นิทานเรื่องโม้
นิทานที่เป็นเรื่องโม้ของไทย
อาจแบ่งได้เป็น ๓ ประเภท คือ เรื่องโม้เกี่ยวกับสิ่งที่ใหญ่โตอย่างเหลือเชื่อ
เรื่องโม้เกี่ยวกับความสามารถพิเศษ หรือพลังมหาศาลอย่างเหลือเชื่อ
และเรื่องโม้เกี่ยวกับเหตุการณ์อันผิดวิสัย หรือเหตุบังเอิญอย่างเหลือเชื่อ
เรื่องโม้เกี่ยวกับสิ่งที่ใหญ่โตอย่างเหลือเชื่อ
เรื่องโม้ประเภทนี้จะเล่าถึงความใหญ่โตอย่างเหลือเชื่อของคน
สัตว์ สิ่งของ ขนม ผลไม้ ฯลฯ ตัวอย่างเรื่องโม้เกี่ยวกับคนที่มีขนาดใหญ่โต เช่น
เรื่องอ้ายง้มฟ้า ของทางภาคเหนือ ตามเรื่องเล่าว่า ชายคนหนึ่งมีชื่อว่า อ้ายง้มฟ้า
เป็นคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่เป็นอันมาก เวลายืนศีรษะแทบจะจรดฟ้าจนต้องก้มศีรษะลง
ถ้าอ้ายง้มฟ้าไปไหว้พระที่ถ้ำเชียงดาว เข่าของเขาจะอยู่ที่เมืองพร้าว
และเท้าอยู่ที่เชียงราย วันหนึ่งขณะที่อ้ายง้มฟ้าเฝ้าดูไก่ที่เมืองลี้
งูตัวหนึ่งที่อยู่เมืองฮอดจะเลื้อยมากินไก่ อ้ายง้มฟ้าเอื้อมมือใช้ดาบฟันงูขาดเป็น
๒ ท่อน
เรื่องโม้เกี่ยวกับสัตว์ขนาดใหญ่ เช่น
เรื่องตะขาบใหญ่กินช้างของบ้านใน จังหวัดชลบุรี เล่าว่า
ตะขาบตัวหนึ่งมีขนาดใหญ่มาก จนสามารถกินช้างได้ มันกินช้างเข้าไปหลายตัว
แล้วคายกระดูกกองไว้ ต่อมามีเรือสำเภาลำหนึ่งมาขโมยกระดูกช้างไป
ตะขาบตัวนี้จึงวิ่งตามไปที่ทะเล และถูกปูซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าใช้ก้ามหนีบ ตะขาบจึงมีรูปร่าง
เป็นปล้องๆ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เรื่องโม้เกี่ยวกับสิ่งที่มีขนาดใหญ่อย่างเหลือเชื่ออีกเรื่องหนึ่ง
เล่ากันทางจังหวัดชลบุรี เล่าว่า ชายคนหนึ่งมีรูปร่างขนาดใหญ่โตมาก
จนได้ชื่อว่าไอ้ใหญ่ เวลาตกเบ็ด ไอ้ใหญ่ใช้ช้างเป็นเหยื่อล่อปลา อยู่มาวันหนึ่ง
พระเจ้าแผ่นดินสั่งให้ไอ้ใหญ่เข้าเฝ้า ต้องใช้เรือสองลำไปรับ
แต่ไอ้ใหญ่ยังไม่มาเข้าเฝ้า แต่เอาขนมต้มขาว ซึ่งเคยรับประทานลูกละคำ
บรรทุกเรือไปลำละลูก พระเจ้าแผ่นดินเห็นขนมขนาดมหึมา ก็ตกใจ สั่งให้นิมนต์พระภิกษุ
๕๐๐ รูปมาฉัน พระภิกษุฉันไป ๒ วัน ก็ยังไม่ถึงไส้ขนม จนวันที่ ๓
พระภิกษุอยากจะฉันไส้ขนม จึงใช้ส้อมแทงเข้าไป ปรากฏว่า ไส้ขนมพังลงมาทับ
ทำให้พระภิกษุมรณภาพไป ๒๕๐ รูป
เรื่องโม้เกี่ยวกับสิ่งที่มีความสามารถพิเศษ
หรือมีพลังมหาศาลอย่างเหลือเชื่อ
ตัวอย่างเรื่องโม้ประเภทนี้ เช่น
เรื่องอ้ายเจ็ดไห ของภาคอีสาน เรื่องเล่าว่า เด็กคนหนึ่งเกิดมาสักครู่เดียว
ก็ลุกขึ้นมากินข้าวทีเดียวหมดไปเจ็ดไห จึงเป็นคนมีกำลังวังชามาก
พอกินข้าวเสร็จก็ถามหาพ่อ แม่บอกว่า พ่ออยู่ที่ไร่ อ้ายเจ็ดไหก็ตามไปที่ไร่
พ่อไม่รู้จัก จึงถามว่า เป็นใคร อ้ายเจ็ดไหก็ตอบว่า
เป็นลูกที่เพิ่งคลอดเมื่อกี้นี้เอง แล้วอ้ายเจ็ดไหก็อาสาถางไร่ให้พ่อ
ใช้เวลาชั่วครู่หนึ่งก็เสร็จ แล้วก็จัดการแบกไม้ท่อนใหญ่ท่อนหนึ่ง เพื่อเอาไปทำฟืน
เมื่อแบกไปถึงท่าน้ำ ก็วางท่อนไม้ลงที่ท่าน้ำ แล้วลงเล่นน้ำ
พ่อค้าเรือสำเภามาจอดเรือ เพื่อซักผ้ากัน
ซักเสร็จก็เอาผ้าพาดบนท่อนไม้ของอ้ายเจ็ดไห อ้ายเจ็ดไหเล่นน้ำเสร็จ
ก็บอกพ่อค้าให้เอาผ้าออก ตนจะเอาไม้กลับบ้าน พ่อค้าเห็นไม้ขนาดใหญ่มาก
ก็ไม่เชื่อว่า อ้ายเจ็ดไหจะยกได้ จึงท้าว่า ถ้าอ้ายเจ็ดไหยกไปได้
ก็จะยกเรือสำเภาให้ อ้ายเจ็ดไหก็ยกไม้ให้ดู พ่อค้าจึงต้องยกเรือสำเภาให้
ตัวอย่างนิทานเรื่องโม้ เรื่องท้าวเจ็ดหวดเจ็ดไห
ครอบครัวหนึ่งมีลูกอยู่คนหนึ่งชื่อว่า “ท้าวเจ็ดหวดเจ็ดไห” เป็นคนที่กินจุ กินข้าวหมด ครั้งละเจ็ดหวด กินปลาร้าหมดครั้งละเจ็ดไห
วันหนึ่งพ่อกับแม่ไปป่า ก่อนจะไปได้นึ่งข้าวไว้ลูกชายก็กินจนหมด
เมื่อกลับบ้านพ่อแม่เห็นดังนั้นจึงปรึกษากันว่า ทำอย่างไรลูกจึงจะพ้นไปจากอกตน
เมื่อตกลงกันได้แล้ว ผู้เป็นพ่อจึงพาลูกไปคล้องช้างในป่า
โดยหวังจะให้ช้างเหยียบลูกตาย ลูกกลับคล้องช้างได้จริงๆ ขี่ช้างกลับมาบ้าน
ทำให้พ่อโกรธมาก พ่อจึงพาลูกเข้าป่าไปตัดต้นไม้ใหญ่
โดยพ่อจะเป็นผู้โค่นให้ลูกเอาบ่ารับให้ได้ ลูกก็เอาบ่ารับต้นไม้ ไม้ใหญ่จึงล้มทับลูกชาย
ลูกชายจึงร้องให้พ่อช่วย พ่อก็ไม่ช่วยหนีกลับบ้าน พระอินทร์สงสารเลยลงมาช่วย ลูกชายก็แบกต้นไม้กลับบ้านได้
เมื่อไปถึงบ้านลูกจึงถามพ่อว่าจะให้ลูกวางไม้ไว้ตรงไหน
พ่อบอกว่าให้วางไว้ที่ท่าน้ำลูกก็เอาไปวางไว้ ขอนไม้นั้นขวางทางเรือสำเภาที่มาค้าขาย
พ่อค้าจึงประกาศให้คนไปช่วยยก
โดยจะให้เสื้อผ้าที่บรรทุกสำเภามาเป็นรางวัล ท้าวเจ็ดหวดเจ็ดไหไปยกขอนไม้นั้นได้จึงได้รับรางวัลจากพ่อค้ามากมาย
จึงหอบเสื้อผ้าที่พ่อค้าให้กลับบ้านไปอาศัยอยู่กับพ่อแม่มีความสุขดังเดิม
ตัวอย่างนิทานเรื่องโม้ เรื่อง ท้าวเจ็ดหวดเจ็ดไห
ตัวอย่างนิทานเรื่องโม้ เรื่อง ท้าวเจ็ดหวดเจ็ดไห