วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559

นิทานอธิบายเหตุ

นิทานอธิบายเหตุ


        นิทานอธิบายสาเหตุของภาคอีสานมีเล่ากันในทุกถิ่น ส่วนมากเป็นนิทานขนาดสั้น อธิบายที่มาของสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะที่มาของรูปลักษณะของคน สัตว์ และพืช นิทานประเภทนี้เป็นนิทานที่เล่าถึงสาเหตุที่คน สัตว์ และพืชมีรูปร่างลักษณะ สีสัน หรือส่วนประกอบต่างๆ ที่มาของชื่อสัตว์บางชนิด ตลอดจนสาเหตุที่สัตว์บางชนิดเป็นศัตรูกัน นิทานประเภทนี้หลายเรื่องเกี่ยวโยงไปถึงความเชื่อว่า พระอินทร์ หรือพระพุทธเจ้าเป็นผู้สร้าง หรือบันดาลให้เกิดสิ่งต่างๆ และเป็นผู้ตั้งชื่อให้สัตว์ต่างๆ ด้วยเหตุที่ควายไม่มีฟันบนนี้ ตามเรื่องเล่าว่า เป็นเพราะควายชอบโต้เถียงคน เวลาถูกคนใช้งาน นอกจากจะไม่ยอมทำตามคำสั่งแล้ว ยังด่าคนอีกด้วย พระอินทร์เห็นว่า ถ้าปล่อยไว้เช่นนี้ จะทำความลำบากให้แก่คน จึงตบให้ฟันบนของควายหลุดไป ตั้งแต่นั้นมา ควายจึงไม่มีฟันบนและพูดไม่ได้  เหตุที่งูเหลือมไม่มีพิษ เป็นเพราะพระอินทร์เห็นว่า ถ้าให้งูเหลือมมีพิษมาก จะไม่ดี ต่อมาแมงป่อง และงูจงอางไปขอแบ่งพิษจากงูเหลือมบ้าง งูเหลือมก็ยกให้ไปจนหมด ตั้งแต่นั้นมางูเหลือมจึงไม่มีพิษ กัดคนไม่ตาย ฝ่ายมดตะนอยก็ไปขอแบ่งพิษจากงูเหลือมบ้าง โดยไปยืนเท้าสะเอว จึงทำให้เอวคอดกิ่วไป  ส่วนสาเหตุที่คนตบยุงนั้น เรื่องเล่าว่า เดิมพระอินทร์มอบสิ่วให้ยุงเอาไว้ใช้เจาะกินเลือดคน ยุงจึงมีสิ่วอยู่ที่หัว เวลาจะกินเลือด ยุงต้องออกแรงใช้หัวกดผิวหนังคน จึงจะเจาะกินเลือดได้ ทำให้ยุงไม่พอใจ บินไปขอค้อนมาไว้ตอกสิ่ว พระอินทร์โมโหจึงบอกว่า ค้อนอยู่ที่คนแล้ว เอาหัวเจาะเข้าไปเถอะ แล้วคนจะใช้ค้อนตอกให้เอง ตั้งแต่นั้นมาพอยุงกัด คนก็จะตบทันที  


          นิทานจากตำบลรังกาใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา เล่าถึงสาเหตุที่เต่ามีกระดองเป็นลวดลายเช่นนี้ว่า เดิมทีเต่าและกระรอกเป็นเพื่อนกัน วันหนึ่งเมียของกระรอกปวดท้อง จะออกลูก กระรอกได้ไปขอให้เต่ามาช่วยดูแล เต่าขึ้นต้นไม้ไม่ได้ ต้องใช้ปากกัดหางกระรอกไว้ แล้วให้กระรอกปีนขึ้นไป เมื่อกระรอกปีนขึ้นต้นไม้เกือบจะถึงรัง เมียของกระรอกเห็นเต่าก็ร้องทัก เต่าได้ยิน ก็อ้าปากจะพูดตอบ จึงตกลงไปยังพื้นดิน ตัวแตกเป็นชิ้นๆ กลายเป็นสิ่งต่างๆ เช่น เนื้อส่วนหนึ่งก็ไปติดอยู่กับท้ายทอยของคนเรียกกันว่า ก้นเต่า หรือหางเต่า อีกส่วนหนึ่งตกลงไปในน้ำ กลายเป็นผักตับเต่า พระอินทร์รู้สึกสงสารเต่า จึงช่วยหยิบเต่า ตัวที่แตกแล้ว มาต่อกันใหม่ ตั้งแต่นั้นมากระดองเต่าจึงมีลวดลายดังเช่นทุกวันนี้   เหตุที่อีกามีสีดำก็มีนิทานเล่าว่า เดิมอีกากับนกยูงเป็นเพื่อนกัน ทั้งสองผลัดกันเขียนลายให้แก่กัน กาเขียนลวดลายอย่างสวยงามให้นกยูงเสร็จแล้ว นกยูงลงรักให้กา แต่ยังไม่ได้เขียนลวดลายให้ เพราะการีบบินไปกินหมาเน่า ตั้งแต่นั้นมากาจึงมีสีดำ   นิทานที่อธิบายความเป็นศัตรูกันของสัตว์บางชนิด ก็มีหลายเรื่อง เช่น เรื่องของตุ๊กแกกับงูเขียว แมวกับหนู แมวกับเสือ ฯลฯ นิทานอีสานเล่าถึงสาเหตุที่ตุ๊กแกกับงูเขียว เป็นศัตรูกันว่า มีที่มาจากเรื่องราวของแม่ผัวกับลูกสะใภ้ ทะเลาะวิวาทกัน และตบตีกันจนบาดเจ็บ จึงอาฆาตพยาบาทกัน ถึงกับตั้งสัจอธิษฐานว่า จะขอตามไปล้างผลาญกันในชาติต่อไป เมื่อแม่ผัวตาย ก็ไปเกิดเป็นตุ๊กแก ลูกสะใภ้ตายไปเกิดเป็นงูเขียว พองูเขียวออกไข่ ตุ๊กแกก็ไปแอบกินไข่งูเขียวจนหมด พอตุ๊กแกร้อง งูเขียวก็เข้าไปล้วงกินตับตุ๊กแก สัตว์ทั้ง ๒ ชนิดนี้ จึงเป็นศัตรูกัน จนถึงทุกวันนี้


ตัวอย่างนิทานอธิบายเหตุ เรื่องทำไมข้าวจึงมีเมล็ดเล็ก



        เมื่อสมัยดึกดำบรรพ์ ข้าวเกิดขึ้นตามธรรมชาติไม่ต้องปลูก มีผลใหญ่เท่าลูกฟักทอง เวลาข้าวแก่ดีแล้ว ข้าวจะกลิ้งเข้าสู่ยุ้งฉางทันที คนไม่ต้องไปเก็บเกี่ยว เพราะข้าวนั้นมีแม่โพสพเป็นหัวหน้าดูแลครั้งนั้นมีแม่ม่ายคนหนึ่ง นางเป็นคนเจ้าอารมณ์อยู่บ้านเพียงคนเดียว  วันหนึ่งข้าวสุกแล้วก็กลิ้งมาที่บ้านของนางเหมือนปรกติ ข้าวกลิ้งมาจำนวนมากทั้งใต้ถุนบ้านและบนบ้าน นางเป็นคนอารมณ์ร้ายอยู่แล้ว เมื่อเห็นข้าวเกะกะเต็มบ้าน นางก็เอามีดฟันพร้อมทั้งด่าไล่ให้ไปจากบ้านของนาง แม่โพสพได้ยินดังนั้นก็โกรธที่นางไม่รู้จักบุญคุณของข้าว แม่โพสพจึงหนีไปอยู่ป่ากับพระฤษี เป็นเหตุให้ข้าวหายไปจากหมู่บ้านจนผู้คนอดอยากล้มตายหมดเมือง
        มีพ่อเฒ่าแม่เฒ่าสองคนผัวเมียตั้งบ้านอยู่ในป่า ชื่อว่า ปู่เยอย่าเยอ ซึ่งมีชีวิตหลายร้อยปีมาแล้ว โดยไม่ได้ติดต่อกับผู้คนในเมือง ต่อมาข้าวที่มีอยู่ค่อยหมดไป สองเฒ่าจึงพเนจรไปในป่าด้วยความหิว เดินทางไปจนถึงถ้ำพระฤษีที่แม่โพสพมาอาศัยอยู่ด้วย ฤษีเล็งตาทิพย์รู้ว่าสองเฒ่าจะเป็นผู้ที่สืบศาสนาต่อไป จึงเล่าสาเหตุที่ข้าวหายไปจากโลกเพราะแม่โพสพโกรธมนุษย์ที่ไม่รู้บุญคุณข้าวพระฤษีคิดจะช่วยเหลือพ่อเฒ่าแม่เฒ่าจึงอ้อนวอนขอพันธุ์ข้าวจากแม่โพสพ แม่โพสพจึงให้พันธุ์ข้าวเมล็ดเล็กแก่สองเฒ่า แต่สองเฒ่านำไปปลูกก็ไม่ขึ้น เพราะแม่โพสพไม่ได้ไปด้วย จึงกลับมาบอกพระฤษี พระฤษีจึงจับแม่โพสพหักปีกให้มาอยู่กับเมล็ดข้าว สองเฒ่าจึงปลูกข้าวได้งอกงามพระฤษีได้บอกให้สองเฒ่าเคารพแม่โพสพ โดยให้เซ่นไหว้แม่โพสพในนาข้าว และเมื่อเก็บเกี่ยวใช้วัวควายเหยียบย่ำข้าวก็ให้ขอโทษขอขมาด้วย
        ต่อมาภายหลังข้าวก็เจริญงอกงาม ผู้คนทั่วไปก็ได้พันธุ์ข้าวจากปู่เยอย่าเยอจึงมีอาหารอุดมสมบูรณ์เกิดลูกเกิดหลานมากขึ้น
        ด้วยเหตุนี้คน (ชาวอีสาน) จึงต้องเคารพแม่โพสพ รู้บุญคุณข้าวและต้องทำพิธีขอขมาข้าว ตอนเก็บเกี่ยวเรียกว่า บุญคุณลานและพิธี สู่ขวัญข้าวขึ้นเล้า”(สู่ขวัญข้าว) เจ้าพิธีกล่าวขอโทษข้าวที่ต้องเหยียบย่ำและต้องนำไปแลกพริกแลกเกลือ
        ตั้งแต่นั้นมาข้าวจึงมีเมล็ดเล็กมาจนทุกวันนี้ และชาวอีสานมักจะเรียก ปู่เยอย่าเยอมาร่วมกินอาหารในพิธีกรรมต่างๆ ด้วยเพราะเป็นผู้ให้พันธุ์ข้าวแก่มนุษย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น