วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559

นิทานมหัศจรรย์

นิทานมหัศจรรย์

        นิทานมหัศจรรย์ตรงกับภาษาอังกฤษว่า fairytale ซึ่งมีผู้แปลตรงตามศัพท์ว่า เทพนิยาย แต่โดยเหตุที่เนื้อเรื่องของนิทานประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องมี "เทพ" หรือเทวดาก็ได้ หากแต่ลักษณะสำคัญของ fairytale คือ นิทานที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับของวิเศษ สิ่งมหัศจรรย์ พฤติกรรมที่เป็นจินตนาการความใฝ่ฝันของมนุษย์ เช่น การแปลงตัว การเหาะเหินเดินอากาศ การเนรมิตของวิเศษ นักคติชนวิทยา จึงมักเรียกนิทานประเภทนี้ว่า นิทานมหัศจรรย์
        นิทานไทยที่เข้าข่ายนิทานมหัศจรรย์ คือ นิทานที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า นิทานจักรๆ วงศ์ๆ ซึ่งเป็นนิทานประเภทที่คนไทยชื่นชอบมาก เป็นเรื่องเกี่ยวกับการผจญภัยของตัวเอก ที่มักมีของวิเศษ และผู้ช่วยเหลือ โครงเรื่องของนิทานจักรๆ วงศ์ๆ มักเข้าตำรา "รักลูกสาวยักษาพากันจร แล้วย้อนกลับมาฆ่าพ่อตาตาย" หรือ "เรียนวิชา ฆ่ายักษ์ ลักนาง" นิทานประเภทนี้ นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่จะนิยมเล่าให้ลูกหลานฟังแล้ว ยังมักจะนำไปเล่นเป็นละคร เช่น ละครนอก ละครชาตรี อีกด้วย ไม่ว่าพระเอกในนิทานจักรๆ วงศ์ๆ จะมีชื่อว่า ลักษณวงศ์ ทินวงศ์ วงศ์สวรรค์ สุริวงศ์ จักรษิณ พรหมรินทร์ เป็นต้น โครงเรื่องก็มักเป็นเช่นเดียวกัน อันเป็นเหตุให้คนไทยเรียกนิทาน ที่ดำเนินเรื่องตามที่กล่าวมาข้างต้นนี้ว่า นิทานจักรๆ วงศ์ๆ
        นิทานจักรๆ วงศ์ๆ มักมีตัวละครเป็นเจ้าหญิงเจ้าชาย พระเอกมักเป็นลูกกษัตริย์ ที่เกิดมาพร้อมกับของวิเศษ หรือสัตว์ซึ่งเป็นผู้ช่วยพระเอกในเวลาต่อมา พระเอกในบางเรื่องสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ถ้าเป็นลูกกษัตริย์มักจะเป็นลูกมเหสีเอก เช่น เรื่องสังข์ทอง พระเอกในนิทานจักรๆ วงศ์ๆ มักมีชายาหลายคน ส่วนนางเอกอาจเป็นลูกกษัตริย์ หรือลูกคนสามัญ หรือไม่มีกำเนิดแน่นอน เช่น อยู่ในดอกบัว แล้วฤๅษีนำไปเลี้ยง ในบางเรื่องนางเอกมีกำเนิดจากสัตว์ เช่น เรื่องนางผมหอมของภาคเหนือ นางเอกมีพ่อเป็นช้าง เพราะแม่ดื่มน้ำในรอยเท้าช้าง เรื่องกำพร้าบัวตองของภาคเหนือ นางเอกมีแม่เป็นสุนัข นางเอกอาจเป็นลูกคนเดียว แต่ในเรื่องที่พ่อแม่มีลูกหลายคน นางเอกมักเป็นลูกคนสุดท้อง เช่น นางรจนา ในเรื่องสังข์ทอง


         ตัวละครที่สำคัญอีกตัวหนึ่ง คือ ตัวละครที่เป็นผู้ช่วยพระเอกนางเอก เช่น พระอินทร์ ฤๅษี พระอินทร์และฤๅษี ซึ่งมักเป็นผู้อุปถัมภ์ให้ความช่วยเหลือ เช่น พระอินทร์ อาจเป็นผู้นำพระเอกไปเลี้ยงดู เมื่อถูกทอดทิ้ง อาจเป็นผู้สร้างปราสาทให้นางเอกอยู่ ให้อาวุธ หรือของวิเศษแก่พระเอก คอยช่วยเหลือ เมื่อพระเอกนางเอกตกระกำลำบาก ถ้าพระเอกนางเอกตาย ก็จะช่วยชุบชีวิตให้ โดยเฉพาะฤๅษี มักมีบทบาทนำนางเอกที่พบในดอกบัวไปเลี้ยง
        นิทานจักรๆ วงศ์ๆ อาจเริ่มต้นเรื่องที่กษัตริย์มีมเหสีหลายองค์ และมีการอิจฉาริษยากันระหว่างมเหสีเอก และมเหสีรอง อันเป็นเหตุให้มเหสีเอกและลูก ต้องถูกเนรเทศ ออกไปจากบ้านเมือง เช่นที่พระสังข์ และนางจันท์เทวี ถูกขับไล่ออกจากเมือง พระเอกมักได้รับการอุปถัมภ์จากฤๅษี พระอินทร์ พระยานาค เป็นต้น เมื่อโตขึ้นก็ออกผจญภัย และได้นางเอก โดยอาจต้องทดสอบความสามารถให้พ่อตายอมรับ
        นิทานจักรๆ วงศ์ๆ บางเรื่อง ก็เริ่มต้นที่พระเอกอายุ ๑๖ ปี จะออกเดินทางไปหาคู่ มักลักลอบเข้ามาธิดากษัตริย์ จนเกิดเรื่อง ทะเลาะกันกับกษัตริย์ ซึ่งมักเป็นยักษ์ บางเรื่องพระเอกก็ฆ่ายักษ์ตาย เช่น เรื่องสังข์ศิลป์ชัย บางเรื่องพระเอกก็ถูกฆ่าตาย เช่น เรื่องสุวรรณหงส์ ถ้าพระเอกถูกฆ่า พระอินทร์ก็มักมาช่วยชุบชีวิตให้ฟื้น แล้วย้อนกลับไปฆ่ายักษ์ในภายหลัง

        นิทานจักรๆ วงศ์ๆ มีอยู่ในทุกภาคของประเทศไทย ตัวอย่างเช่น ภาคอีสานมีเรื่อง จำปาสี่ต้น โสวัตร สินไซ นางผมหอม เป็นต้น


        ตัวอย่างนิทานมหัศจรรย์ เรื่องสินไซ


         มีเมืองหนึ่งชื่อว่า เมืองปัญจาล ซึ่งมีท้าวกุศราชครอง มีมเหสีชื่อนางจันทาเทวี พระขนิษฐาของท้าวกุศราช ชื่อนางสุมณฑา ถูกยักษ์ลักพาไปเป็นชายา ภายหลังจึงพาชายาทั้งเจ็ดกลับเมือง อยู่มาไม่นานพระชายาทั้งเจ็ดและพระมเหสีตั้งครรภ์ ประสูติออกมาเป็นโอรสทุกพระองค์ พระมเหสีนางจันทาเทวีประสูติโอรสเป็นราชสีห์ชื่อว่า " สีโห " ส่วนพระชายาองค์สุดท้องประสูติโอรสชื่อว่า " สินไซ" และมีสังข์เป็นอาวุธติดมือมาพร้อมกับประสูติ หมอโหรทำนายว่าพระโอรสสินไซมีบุญญาธิการมาก สามารถปราบยักษ์และศัตรูได้ทั่วจักรวาล พี่สาวทั้งหกอิจฉาน้องสาวมา จึงติดสินบนหมอหูฮาให้ทำนายเท็จกราบทูลท้าวกุศราช ท้าวกุศราชจึงจำยอมขับไล่นางและโอรสสินไซออกจากเมือง เพราะหมอหูฮาทูลว่าพระโอรสจะนำความวิบัติมาสู่บ้านเมือง ท้าวสีโหโอรสมเหสีจันทาเทวีขอติดตามสินไซไปด้วย

         มารดาสินไซพร้อมด้วยท้าวสีโหและสินไซก็เดินป่าพเนจรไป พระอินทร์ทราบเรื่องจึงมาเนรมิตกระท่อมให้แม่ลูกอาศัยอยู่ หกกุมารเจริญวัยได้เสด็จประพาสป่ามาพบกระท่อมของสินไซและมารดา สินไซได้แสดงอภินิหารให้กุมารทั้งหกชม วันหนึ่งกุมารทั้งหกอยากอวดอิทธิฤทธิ์ให้บิดาชม จึงมาติดสินบนให้สินไซเรียกสัตว์เข้าเมือง พระบิดาเห็นดังนั้นจึงคิดว่าพระกุมารมีอิทธิฤทธิ์สามารถเรียกสัตว์ป่าได้จริง ๆ พระบิดาจึงสั่งให้กุมารทั้งหกไปติดตามหานางสุมณฑาที่ยักษ์ลักพาไป พระกุมารทั้งหกจึงอ้อนวอนให้สินไซช่วยเหลือไปตามพระเจ้าอา พระมารดาไม่อยากให้สินไซไป แต่สินไซได้รับรองกับพระมารดาว่าตนเองมีอิทธิฤทธิ์ มีทั้งสังข์ และท้าวสีโหที่จะช่วยขจัดภัยพิบัติทั้งปวง พระมารดาจึงยินยอมให้ไปกับกุมารทั้งหก
        เมื่อกองโยธาไปถึงฝั่งมหาสมุทรสินไซจึงให้กองโยธาและกุมารทั้งหกตั้งทัพคอยอยู่ที่ฝั่งน้ำ ตนและสีโหจะไปยังเมืองยักษ์ติดตามนางสุมณฑาเอง สินไซก็ขี่ท้าวสีโหเหาะไปจนถึงเมืองยักษ์ ได้พบนางสุมณฑาเล่าเรื่องของตนให้ฟัง นางสุมณฑาก็ยินดีแต่นางเองก็ห่วงพระธิดาชื่อนางสุดาจันทร์ ที่ตกเป็นชายาท้าววิรุณนาค เพราะยักษ์ผู้เป็นบิดาเสียพนันกับท้าววิรุณนาค เมื่อยักษ์ผู้เป็นสามีนางสุมณฑาเข้าเมืองทราบว่ามีมนุษย์อยู่ในปราสาท จึงตามหาจนพบสินไซ ทั้งสองรบกันด้วยศาสตร์ศิลป์ต่าง ๆ นานา ในที่สุดสินไซก็ฆ่ายักษ์ได้ และไปเมืองนาคเล่นพนันเอาเมืองกับท้าววิรุณนาค ท้าววิรุณนาคแพ้ยอมยกเมืองให้ แต่ไม่ยอมให้นางสุดาจันทร์ ทั้งสองจึงรบกันสินไซชิงนางไปได้ จึงพานางสุดาจันทร์และนางสุมณฑากลับมายังฝั่งมหาสมุทรที่กุมารตั้งทัพคอยอยู่ กุมารทั้งหกดีใจมาก แต่ไม่รู้จะไปทูลพระบิดาอย่างไรดี จึงหาอุบายฆ่าสินไซ เมื่อได้โอกาสจึงผลักสินไซตกเหวพร้อมกับสีโห หกกุมารจึงยกทัพกลับเมืองพานางสุมณฑาและนางสุดาจันทร์เข้าเมือง ระหว่าทางนางสุมณฑาเป็นห่วงสินไซมาก แต่ก็จนใจจึงนำผ้าสไบแขวนไว้อธิษฐานว่าหากสินไซยังมีชีวิตอยู่ ขอให้นางได้พบผ้าผืนนี้อีก หกกุมารยกทัพกลับถึงเมือง

        ท้าวกุศราชบิดาทรงดีใจมาก ที่หกกุมารมีอิทธิฤทธิ์ปราบยักษ์ปราบนาคได้สำเร็จ จึงจัดงานเฉลิมฉลองเป็นการใหญ่ ส่วนนางสุมณฑาและนางสุดาจันทร์ไม่กล้าจะทูลความจริง เพราะคิดว่าสินไซคงตายแล้ว วันหนึ่งพ่อค้าสำเภาได้พบผ้าสไบซึ่งเป็นผ้ากษัตริย์ จึงนำมาถวายท้าวกุศราช นางสุมณฑาเห็นผ้าของตนที่อธิฐานไว้ จึงทราบว่าพระสินไซยังมีชีวิตอยู่ จึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท้าวกุศราชฟัง ท้าวกุศราชจึงจัดงานฉลองพระนครเจ็ดวันเจ็ดคืน เพื่ออุบายให้ท้าวสินไซมาเที่ยวงานเฉลิมฉลอง และให้นางสุมณฑาคอยติดตามดูคนมาเที่ยวงานเพื่อตามหาสินไซ ฝ่ายสินไซเมื่อถูกผลักตกเหวร้อนถึงพระอินทร์ ๆ มาช่วยชุบชีวิตแล้วให้กลับไปอยู่กับมารดาตามเดิม
        เมื่อมีงานฉลองพระนครก็ไปเดินเที่ยว นางสุมณฑาพบเข้าจึงให้เข้าเฝ้าท้าวกุศราช ๆ สอบถามความจริงจึงสั่งให้ประหารหมอหูฮา และขับไล่พระกุมารทั้งหกและพระชายาทั้งหกไปอยู่เมืองจำปา ท้าวกุศราชก็แต่งราชรถไปรับพระชายาและสินไซเข้าเมือง ส่วนนางสุดาจันทร์ท้าวิรุณนาคมาขอไปเป็นชายาเหมือนเดิม ท้าวสินไซก็ได้ครองราชย์ปกครองราษฎรอยู่ในทศพิธิราชธรรมสืบมา

ตัวอย่างนิทานเรื่องสินไซ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น